เครย์ฟิช หรือ ครอว์ฟิช (อังกฤษ: Crayfish, Crawfish) เป็นกุ้งน้ำจืดจำพวกหนึ่ง มีรูปร่างโดยรวมลำตัวใหญ่ เปลือกหนา ก้ามใหญ่แลดูแข็งแรง มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ, ทวีปยุโรป, โอเชียเนียและบริเวณใกล้เคียง เช่น อีเรียนจายา และเอเชียตะวันออก ปัจจุบันมีการอนุกรมวิธานเครย์ฟิชไปแล้วกว่า 500 ชนิด ซึ่งกว่าครึ่งนั้นเป็นเครย์ฟิชที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ แต่ก็ยังมีอีกหลายร้อยชนิดที่ยังไม่ได้รับการอนุกรมวิธาน อีกทั้งหลายชนิดยังมีความหลากหลายทางสีสันมากอีกด้วย
สำหรับในประเทศไทยไม่มีกุ้งในลักษณะเครย์ฟิช ซึ่งกุ้งน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่สุดที่พบในประเทศไทย คือ กุ้งก้ามกราม (Macrobrachium rosenbergii) ซึ่งในลักษณะกุ้งก้ามกรามนี้ ไม่จัดว่าเป็นเครย์ฟิช
เนื้อหา
[ซ่อน]โครงสร้างของร่างกาย[แก้]
ร่างกายเครย์ฟิชนั้นแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนกลาง หรือ ทอแร็ก คือส่วนที่มีขาใช้สำหรับเดิน ส่วนสุดท้ายคือ ส่วนท้องซึ่งเป็นส่วนที่มีเนื้อเยอะมากที่สุด ซึ่งส่วนหัวกับส่วนกลางนั้นเชื่อมติดรวมกันเป็นชิ้นเดียว เรียกว่า เซฟาโลทอแร็ก (ข้อมูลบางแหล่งอาจระบุว่าเครย์ฟิชนั้นมีลำตัวเพียง 2 ส่วนก็ได้) ทั้งตัวนั้นจะถูกหุ้มด้วยเปลือก หรือ คาราเพซ ซึ่งทำหน้าที่ 2 อย่าง คือ ใช้สำหรับปกป้องลำตัว และเป็นที่ตั้งของอวัยวะหายใจ คือ เหงือกที่มีลักษณะคล้ายขนนกอยู่ใกล้บริเวณปาก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในระบบหายใจ คือเป็นทางผ่างของน้ำเพื่อให้น้ำไหลผ่านช่องเหงือกนั่นเอง
ในส่วนของขานั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ขาเดิน ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 5 คู่ โดยคู่แรกนั้นถูกพัฒนาจนกลายเป็นก้าม ใช้สำหรับหยิบจับอาหารและใช้ต่อสู้ และ ขาว่ายน้ำ จะมีลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ มีไว้สำหรับโบกน้ำที่มีออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายเพื่อหายใจ รวมทั้งโบกพัดแพลงก์ตอนเข้าหาตัวเพื่อกินเป็นอาหารอีก ในเครย์ฟิชตัวเมีย ขาว่ายน้ำยังใช้เป็นที่อุ้มไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิอีกแล้วต่างหาก[2]
การแบ่งวงศ์และสกุล[แก้]
เครย์ฟิชนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วงศ์ใหญ่ ๆ คือ Astacoidea ซึ่งเป็นวงศ์ใหญ่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือและทวีปยุโรป สามารถแบ่งเป็นวงศ์ย่อยได้อีก 2 วงศ์คือ Astacidae และ Cambaridae โดยเครย์ฟิชชนิดที่เป็นที่รู้จักกันดีในวงศ์นี้คือ Procambarus clarkii โดยรวมแล้วเครย์ฟิชในวงศ์นี้ มีรูปร่างใหญ่ ไม่มีกรี มีลักษณะเด่นคือ ก้ามมีหนาม ขนาดโตเต็มที่ประมาณ 20 เซนติเมตร และวงศ์ใหญ่ Parastacoidea ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคโอเชียเนียและอีเรียน จายา เครย์ฟิชในวงศ์นี้ก้ามจะไม่มีหนาม และลักษณะของก้ามจะป่องออกต่างไปจากวงศ์ Astacoidea แต่มีที่หนีบสั้นและเล็กกว่า ขนาดเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 30-40 เซนติเมตร ชนิดของเครย์ฟิชในวงศ์นี้ที่เป็นที่รู้จัก คือ Cherax quadricarinatus[2]
การแบ่งเพศและวงจรชีวิต[แก้]
เครย์ฟิชนั้นในธรรมชาติจะอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำที่มีลักษณะน้ำใสสะอาด มีออกซิเจนสูง โดยจะซ่อนตัวอยู่ตามขอนไม้หรือหินใต้น้ำ เป็นสัตว์ที่กินอาหารได้หลากหลายทั้งพืชและสัตว์ รวมทั้งซากพืชซากสัตว์ด้วย ออกหากินในเวลากลางคืน โดยจะไม่หากินทุกวัน แต่จะเว้นระยะไปราว 1-2 วัน จึงออกหากินอีกครั้ง มีอาณาเขตของตัวเองประมาณ 40 เซนติเมตร
เครย์ฟิชในวัยเล็กจะมีระยะการลอกคราบบ่อยกว่าตัวที่โตแล้ว โดยจะมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่หนึ่งครั้งต่อหนึ่งเดือน เมื่ออายุได้ 1 ปี การลอกคราบจะเหลือเพียงปีละครั้งเท่านั้น การลอกคราบแต่ละครั้งใช้เวลานานราว 2-3 วัน กว่าเปลือกใหม่ที่ได้นั้นจะแข็งแรงเท่าเดิม ในบางครั้งอาจมีพฤติกรรมกินเปลือกตัวเองที่ลอกออกหรือของตัวอื่นก็ได้ เพราะร่างกายของเครย์ฟิชในช่วงลอกคราบต้องการแคลเซี่ยมเพื่อสร้างเปลือกใหม่ให้แข็งแรง
การจำแนกเพศนั้น ในวงศ์ Astacoidea เครย์ฟิชตัวผู้จะมีอวัยวะคล้ายตะขออยู่บริเวณขาเดินคู่ที่ 2 และ 3 ใช้สำหรับเกาะเกี่ยวตัวเมียในการผสมพันธุ์ และจะมีอวัยวะสืบพันธุ์ที่เรียกว่า ปาปิลเล บริเวณโคนขาคู่สุดท้าย ส่วนตัวเมียจะมีอวัยวะสืบพันธุ์ที่เรียกว่า แอนนูลลัส เวนทราลิส ลักษณะเป็นแผ่นวงรีสีขาว ขนาดประมาณ 1-2 มิลลิเมตร บริเวณขาเดินคู่ที่ 3 นอกจากนี้แล้วในตัวผู้ขาว่ายน้ำคู่แรกและคู่ที่ 2 จะถูกพัฒนาเป็นแขนเล็ก ๆ เรียกว่า เพทาสมา สำหรับผ่านน้ำเชื้อไปยังตัวเมียอีกด้วย
แต่ร่างกายโดยรวมแล้ว เครย์ฟิชตัวผู้จะใหญ่กว่าตัวเมียอย่างเห็นได้ชัดเจน รวมทั้งก้ามที่ใหญ่และแข็งแรงกว่า
ส่วนในวงศ์ Parastacoidea นั้น ตัวผู้จะมีอวัยวะเป็นรูปวงรีบริเวณโคนขาคู่ที่ 3 ซึ่งตัวเมียไม่มี และอวัยวะส่วนนี้จะแตกต่างไปจากในวงศ์ Astacoidea[2]
การผสมพันธุ์นั้น เครย์ฟิชตัวผู้จะประกบตัวเมียจากด้านหลัง และพลิกท้องตัวเมียให้หงายแล้วตัวผู้จะเข้าประกบโดยใช้อวัยวะที่คล้ายตะขอนั้นจับตัวเมียในลักษณะท้องชนท้อง หันหัวไปในทางเดียวกัน ตัวผู้จะส่งผ่านถุงน้ำเชื้อไปปะติดไว้กับท้องของตัวเมีย ซึ่งพฤติกรรมนี้เครย์ฟิชในวงศ์ Astacoidea จะใช้เวลานานราว 10 นาที ขณะที่ในสกุล Cherax ในวงศ์ Parastacidae กินเวลาเพียง 1-2 นาที เท่านั้น หลังจากนั้นเมื่อไข่ได้รับการปฏิสนธิจากน้ำเชื้อแล้ว ไข่จะฟักเป็นตัวในเวลาราว 3-4 สัปดาห์ โดยตัวเมียจะอุ้มไข่ไว้ในช่องท้อง ไข่มีลักษณะวงกลมสีดำคล้ายเมล็ดพริกไทยดำ ในการผสมพันธุ์แต่ละครั้งอาจได้ลูกเครย์ฟิชมากถึง 300 ตัว ซึ่งเครย์ฟิชในวัยเล็กจะยังอาศัยอยู่กับแม่ โดยกินเศษอาหารที่แม่กินเหลือ เมื่อโตขึ้นจึงค่อยแยกจากไป[2]
เครย์ฟิชกับมนุษย์[แก้]
เครย์ฟิชมีความสัมพันธ์กับมนุษย์มาแต่อดีต โดยใช้เป็นอาหารมานาน สามารถนำไปปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย โดยมักเป็นอาหารราคาแพงในภัตตาคารโดยเฉพาะอย่างยิ่งเครย์ฟิชในชนิด Cherax quadricarinatus มีการเพาะพันธุ์ในที่เลี้ยงเป็นการเกษตรกรรมในประเทศออสเตรเลียด้วย สำหรับในประเทศไทย มีการเพาะเลี้ยงกันที่โครงการหลวง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นการนำเข้ามาจากออสเตรเลีย ตั้งแต่ พ.ศ. 2548[3]
นอกจากนี้แล้วในปัจจุบัน ยังมีการนิยมนำมาเลี้ยงในตู้ปลาเป็นสัตว์น้ำสวยงามอีกด้วย ทั้งวงศ์ Astacoidea และวงศ์ Parastacoidea โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนิด Procambarus clarkii ที่มีรูปร่างดูบึกบึน แข็งแกร่ง มีการพัฒนาสายพันธุ์จนมีสีสันที่หลากหลาย จากเดิมที่สีตามธรรมชาติ คือ สีแดง กลายมามีสีที่หลากหลาย เช่น สีฟ้า, สีน้ำเงิน, สีน้ำเงินเข้ม, สีขาว หรือ สีส้มและ สีแดงเข้ม เป็นต้น ซึ่งสำหรับในประเทศไทย เครย์ฟิชชนิดนี้มีการเลี้ยงกันมานานแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ปี ในชื่อของ "กุ้งแดง" หรือ "กุ้งญี่ปุ่น"สำหรับในตัวที่มีสีสันหลากหลายออกไปตามที่ได้กล่าวมา ก็เรียกชื่อต่าง ๆ กันไปตามสี เช่น "ไบร์ออเรนจ์", "อิเล็คทริคบลู", "กุ้งฟ้า" หรือ "สโนว์ไวท์" เป็นต้น
สำหรับในวงศ์ Parastacoidea สายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงกันก็ได้แก่ Cherax quadricarinatus และ C. tenuimanusเพราะมีสีสันที่หลากหลายในตัวเดียวกัน ทั้งสีฟ้า, สีน้ำตาลอมเขียว หรือ สีน้ำตาลเข้ม เป็นต้น ในประเทศไทยนิยมเรียกว่า "กุ้งเรนโบว์" และชนิด C. sp. "zebra" ซึ่งเป็นชนิดที่ยังไม่ได้รับการตั้งชื่อสายพันธุ์ มีสีสันลำตัวที่สวยงาม มีสีดำเป็นเงาสลับกับลายปล้องสีขาวอมส้ม ก้ามสีขาว ในบางตัวอาจมีก้ามสีน้ำเงินหรือสีม่วงสวยงาม ซึ่งนิยมเรียกว่า "กุ้งม้าลาย"หรือ "กุ้งซีบร้า"[2]
การเลี้ยงกุ้งเครฟิช ( Crayfish )
หลักการเลี้ยงกุ้งเครฟิช
กุ้งเครฟิชมีหลักการเลี้ยงที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งก็คือดัดแปลงมาจากอุปนิสัยและการอยู่อาศัยของมันเองคือ
1.โดยธรรมชาติ กุ้งทุกชนิดชอบออกหากินในเวลาคืน ไม่ชอบแสง ดังนั้นกลางวันอาจจะนอนหรือหลบทั้งวัน จึงต้องการที่หลบซ่อนและปิดบังจุดที่กุ้งจะปีนหลบหนีได้ ยกเว้นกุ้งที่ได้รับการเพาะเลี้ยงในบ้านเราจะคุ้นเคยกับการเลี้ยงและฝึก อาหาร
2.มีก้ามเป็นอาวุธไว้ต่อสู้ป้องกันตัวเอง กุ้งตัวผู้จะมีขนาดของก้ามที่ใหญ่โตสง่างาม สีสรรสวยงามและแข็งแรงกว่ากุ้งตัวเมีย
3. กุ้งอ่อนแอที่สุดเวลาลอกคราบ มักจะถูกรุมทำร้ายหรือจับกิน ดังนั้นอาหารต้องพอเพียง ตู้ต้องกว้างเพียงพอและมีที่หลบซ่อนที่ปลอดภัย
4.กุ้งแยกกันกินแยกกันอยู่หรืออาจจับคู่ในระยะสั้นๆ จึงไม่ควรเลี้ยงปนกันหลายตัวในที่แคบๆ ส่วนมากจะกุ้งจะไม่จำว่าเป็นคู่ของมัน ถ้าหิวหรือลอกคราบอาจทำร้ายกันได้เสมอ
ตู้เลี้ยงและอ่างเลี้ยงกุ้ง
1.เราสามารถเลี้ยงกุ้งเครฟิช ในภาชนะใดๆก็ได้ ที่มีการถ่ายเทน้ำที่ดี ไม่ร้อนเกินไป อุณหภูมิน้ำ ประมาณ 23 -28 องศา อาจจะเป็นครึ่งบกครึ่งน้ำก็ได้ น้ำครึ่งตู้ น้ำเต็มตู้ก็ได้ หากจะเลี้ยงหลายๆตัวแต่ต้องกว้างขวางเพียงพอ กุ้งใหญ่ขนาด 3-4 นิ้ว 1 ตัว ใช้พื้นที่อย่างน้อย 1 ฟุต
2.ถ้าจะเลี้ยงหลายตัวควรเลือกเลี้ยงกุ้ง สายเดียวกัน ไซซ์ไล่เลียกัน เพื่อให้มันสามารถปกป้องตัวเองได้ มิเช่นนั้นกุ้งตัวเล็ก มักจะถูกรังแกและมีโอกาสที่จะถูกจับกิน
3.ที่หลบซ่อนใช้ขอนไม้ กระถางดินเผา กระถางต้นไม้แตกๆ อุปกรณ์ที่เจาะเป็นโพรง หรือท่อพีวีซีตัด เป็นท่อนๆให้กุ้งหลบอาศัยในเวลากลางวัน กุ้งใหญ่
4.ปิดฝาหรือจุดที่กุ้งจะปีนหนีได้
วัสดุปูรองพื้น
การเลี้ยงกุ้งเครฟิช ในตู้ เพื่อความสวยงามควรปูหินกรวดเล็ก รองพื้นตู้ ซึ่งมีมีประโยขน์ต่อกุ้งหลายประการคือ
1.ทำให้กุ้ง ไม่ตื่นตกใจ และมีสรรสวยงามมากขึ้น กุ้งสามารถปรับตัวตามสิ่งแวดล้อมได้ ถ้าเน้นหินสีดำหรือน้ำตาล จะทำให้กุ้งมีสีเข้มขึ้น
2.กุ้งป่า ส่วนมากจะขุด กรวดหิน เป็นที่หลบซ่อน
3.หินกรวดช่วยดูดซับตะกอนและเศษอาหาร ทำให้น้ำในตู้ใสอยู่เสมอ
การให้อากาศและระบบกรองน้ำ
ถ้าเราเลี้ยงกุ้งแค่ตัวเดียว และมีพื้นที่กว้างและดูแลน้ำได้ดี ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องให้อากาศก็ได้
แต่ในระบบตู้เลี้ยง ซึ่งเน้นความสวยงาม และเลี้ยงกุ้งหลายตัว หรือ กั้นตู้ การให้อากาศยังจำเป้นอยู่มาก แต่กุ้งใช้อากาศน้อยกว่าปลา สามารถใช้หัวทรายจุ่มลงในน้ำ 3-4 นิ้ว กันฟุ้ง หรือใช้กรองในตู้ กรองแขวน กรองกล่องได้ ยกเว้นกรองแผ่นพื้นจะโดนกุ้งขุด และกรองฟองน้ำอาจโดนกุ้งแทะเล่น
น้ำ
อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมในการเลี้ยงCrayfish คือช่วง 23-28 องศาเซลเซียล ค่าPHที่เหมาะสมคือประมาณ PH7.5 - 8.5ที่มีความกระด้างสูง ผู้เลี้ยงสามารถใส่เกลือลงไปในตู้ได้เล็กน้อย เกลือยังช่วยเสริมแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อการลอกคราบและสร้างเปลือกใหม่ ด้วย สำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำ ผู้เลี้ยงควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำ สัปดาห์ละครั้ง ประมาณ 30 -50 %ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงและการให้อาหาร แต่ควรปรับอุณหภูมิน้ำให้ดี
อาหารการกิน
กุ้งเครฟิช กินอาหารได้แทบทุกชนิด นิสัยของกุ้งจะกินอาหารได้ทั้งวัน แต่ในธรรมชาติมันจะกินอาหารประเภทพืชผัก รากไม้ ใบไม้ ผลไม้เป็นหลัก ในที่ เลี้ยงผู้เลี้ยงสามารถให้ ข้าวโพด มันฝรั่ง ถั่วลันเตา ฟักทอง แอปเปิ้ลได้ พรรณไม้น้ำที่ใช้ตกแต่งตู้อาจโดนรื้อทึ้งเป็นอาหารได้ อาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อ ไก่ เนื้อหมู เนื้อปลา เนื้อกุ้งทะเลหรือกุ้งฝอยหั่นชิ้นเล็กๆได้ ถ้าให้ง่ายยิ่งไปกว่านั้นอาหารเม็ดสำเร็จรูปชนิดจมสูตรต่างๆ
การเลี้ยงรวมกับปลาสวยงาม
ถึงแม้ว่าในธรรมชาตินั้นCrayfish จะเก็บเศษซากพืชซากสัตว์กินเป็นอาหารหลัก แต่ในที่เลี้ยงสถานที่ที่มีอาหารอย่างจำกัดนั้น มันจะจับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ กินเป็นอาหาร โดยเฉพาะกุ้งขนาด 1.5 – 2.5 นิ้ว มักจะชอบไล่จับปลากิน ส่วนกุ้งขนาดใหญ่ นิสัยนักล่ามันจะลดลง หากต้องการเลี้ยงปลากับกุ้งด้วยกันให้ยึดหลักดังนี้
1.ขนาดตู้ ต้องกว้างเพียงพออย่างน้อย 24 นิ้ว น้ำลึกอย่างน้อย 1 ฟุต
2.เลือกชนิดปลาขนาดเล็กที่ว่ายน้ำเร็ว หรือหากินกลางน้ำ ปลาที่ว่ายน้ำช้า ปลาที่มีครีบยาวๆ ปลาที่มีนิสัยนอนพื้นตู้ ไม่ควรเลี้ยงเด็ดขาด
3.ปลาเทศบาล ที่เลี้ยงได้เช่น ปลาซัคเกอร์ น้ำผึ้ง ปลาจิ้งจก
วิธีการเลือกซื้อ Crayfish
1.เลือกกุ้งที่มีอวัยวะสำคัญต่างๆครบสมบูรณ์คือ ดวงตาและก้ามครบ2 ข้าง ขาเดินครบทั้ง4 คู่
2.มีเปลือกลำตัวแข็ง ไม่อยู่ในช่วงระยะลอกคราบ ซึ่งร่างกายอ่อนแอ
3.เลือกกุ้งที่แข็งแรง มีอาการตอบสนองป้องกันตัวเมื่อถูกรบกวน เช่น การยกก้ามคู่ป้องกันตัวเอง หลบหนีด้วยการดีดลำตัวอย่างว่องไวหรือ พยายามปีนป่ายหนีเมื่อนำมาใส่ภาชนะ
4.เลือกซื้อกุ้งคุณภาพจากร้านและฟาร์มที่ท่านไว้ใจ และสังเกตจากสภาพน้ำและภาชนะที่วางขาย
5.กรณีที่เป็นกุ้งนำเข้าจากต่างประเทศ ควรได้รับการปรับสภาพ พักและเปลี่ยนถ่ายน้ำแล้วอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป ( หายาก )
การเลี้ยงกุ้งเครฟิช ในตู้ เพื่อความสวยงามควรปูหินกรวดเล็ก รองพื้นตู้ ซึ่งมีมีประโยขน์ต่อกุ้งหลายประการคือ
1.ทำให้กุ้ง ไม่ตื่นตกใจ และมีสรรสวยงามมากขึ้น กุ้งสามารถปรับตัวตามสิ่งแวดล้อมได้ ถ้าเน้นหินสีดำหรือน้ำตาล จะทำให้กุ้งมีสีเข้มขึ้น
2.กุ้งป่า ส่วนมากจะขุด กรวดหิน เป็นที่หลบซ่อน
3.หินกรวดช่วยดูดซับตะกอนและเศษอาหาร ทำให้น้ำในตู้ใสอยู่เสมอ
การให้อากาศและระบบกรองน้ำ
ถ้าเราเลี้ยงกุ้งแค่ตัวเดียว และมีพื้นที่กว้างและดูแลน้ำได้ดี ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องให้อากาศก็ได้
แต่ในระบบตู้เลี้ยง ซึ่งเน้นความสวยงาม และเลี้ยงกุ้งหลายตัว หรือ กั้นตู้ การให้อากาศยังจำเป้นอยู่มาก แต่กุ้งใช้อากาศน้อยกว่าปลา สามารถใช้หัวทรายจุ่มลงในน้ำ 3-4 นิ้ว กันฟุ้ง หรือใช้กรองในตู้ กรองแขวน กรองกล่องได้ ยกเว้นกรองแผ่นพื้นจะโดนกุ้งขุด และกรองฟองน้ำอาจโดนกุ้งแทะเล่น
น้ำ
อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมในการเลี้ยงCrayfish คือช่วง 23-28 องศาเซลเซียล ค่าPHที่เหมาะสมคือประมาณ PH7.5 - 8.5ที่มีความกระด้างสูง ผู้เลี้ยงสามารถใส่เกลือลงไปในตู้ได้เล็กน้อย เกลือยังช่วยเสริมแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อการลอกคราบและสร้างเปลือกใหม่ ด้วย สำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำ ผู้เลี้ยงควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำ สัปดาห์ละครั้ง ประมาณ 30 -50 %ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงและการให้อาหาร แต่ควรปรับอุณหภูมิน้ำให้ดี
อาหารการกิน
กุ้งเครฟิช กินอาหารได้แทบทุกชนิด นิสัยของกุ้งจะกินอาหารได้ทั้งวัน แต่ในธรรมชาติมันจะกินอาหารประเภทพืชผัก รากไม้ ใบไม้ ผลไม้เป็นหลัก ในที่ เลี้ยงผู้เลี้ยงสามารถให้ ข้าวโพด มันฝรั่ง ถั่วลันเตา ฟักทอง แอปเปิ้ลได้ พรรณไม้น้ำที่ใช้ตกแต่งตู้อาจโดนรื้อทึ้งเป็นอาหารได้ อาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อ ไก่ เนื้อหมู เนื้อปลา เนื้อกุ้งทะเลหรือกุ้งฝอยหั่นชิ้นเล็กๆได้ ถ้าให้ง่ายยิ่งไปกว่านั้นอาหารเม็ดสำเร็จรูปชนิดจมสูตรต่างๆ
การเลี้ยงรวมกับปลาสวยงาม
ถึงแม้ว่าในธรรมชาตินั้นCrayfish จะเก็บเศษซากพืชซากสัตว์กินเป็นอาหารหลัก แต่ในที่เลี้ยงสถานที่ที่มีอาหารอย่างจำกัดนั้น มันจะจับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ กินเป็นอาหาร โดยเฉพาะกุ้งขนาด 1.5 – 2.5 นิ้ว มักจะชอบไล่จับปลากิน ส่วนกุ้งขนาดใหญ่ นิสัยนักล่ามันจะลดลง หากต้องการเลี้ยงปลากับกุ้งด้วยกันให้ยึดหลักดังนี้
1.ขนาดตู้ ต้องกว้างเพียงพออย่างน้อย 24 นิ้ว น้ำลึกอย่างน้อย 1 ฟุต
2.เลือกชนิดปลาขนาดเล็กที่ว่ายน้ำเร็ว หรือหากินกลางน้ำ ปลาที่ว่ายน้ำช้า ปลาที่มีครีบยาวๆ ปลาที่มีนิสัยนอนพื้นตู้ ไม่ควรเลี้ยงเด็ดขาด
3.ปลาเทศบาล ที่เลี้ยงได้เช่น ปลาซัคเกอร์ น้ำผึ้ง ปลาจิ้งจก
วิธีการเลือกซื้อ Crayfish
1.เลือกกุ้งที่มีอวัยวะสำคัญต่างๆครบสมบูรณ์คือ ดวงตาและก้ามครบ2 ข้าง ขาเดินครบทั้ง4 คู่
2.มีเปลือกลำตัวแข็ง ไม่อยู่ในช่วงระยะลอกคราบ ซึ่งร่างกายอ่อนแอ
3.เลือกกุ้งที่แข็งแรง มีอาการตอบสนองป้องกันตัวเมื่อถูกรบกวน เช่น การยกก้ามคู่ป้องกันตัวเอง หลบหนีด้วยการดีดลำตัวอย่างว่องไวหรือ พยายามปีนป่ายหนีเมื่อนำมาใส่ภาชนะ
4.เลือกซื้อกุ้งคุณภาพจากร้านและฟาร์มที่ท่านไว้ใจ และสังเกตจากสภาพน้ำและภาชนะที่วางขาย
5.กรณีที่เป็นกุ้งนำเข้าจากต่างประเทศ ควรได้รับการปรับสภาพ พักและเปลี่ยนถ่ายน้ำแล้วอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป ( หายาก )
..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/285654
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น